วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

แฉ ! การตลาดแบบดึงดูด(Attraction Marketing) ดูดจริง 800 คน หรือหลอกลวง

แฉ ! การตลาดแบบดึงดูด(Attraction Marketing) ดูดจริง 800 คน หรือหลอกลวง


           สำหรับเรานักทำธุรกิจเครือข่ายนั้นเราจะพบกับ คำนี้มากยิ่งในช่วงเวลานี้ มีหลายคนออกมาบอกว่าทำธุรกิจเครือข่ายแบบเดิม ๆ มีแต่จะไปไม่รอด เช่น  ไล่ตาม ง้อคน ชวนเพื่อน ถูกปฏิเสธซ้ำแล้วซ้ำอีก เป็นต้น ผมเองก็มีความเห็นว่าการทำงานแบบนี้ยังมีข้อบกพร่องอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าทำการตลาดแบบดึงดูด ไม่จำเป็นที่จะต้องไปง้อคน ชวนคน ไม่ต้องทนกับการถูกปฏิเสธอีกต่อไป จริงหรือ

วันจันทร์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2554

ความล้มเหลวในธุรกิจเครือข่าย

ความล้มเหลวในธุรกิจเครือข่าย

     หลายคนครับที่เคยทำธุรกิจเครือข่ายมาก่อน แล้วล้มเหลวและเลิกทำไป และหลายคนยังไม่คยทำแต่ไม่ทำเพราะเพื่อนเคยทำแล้วล้มเหลวไม่ได้อะไร ก็เลยไม่ทำกลัวเป้นเหมือนเพื่อนตัวเอง จริงอยู่ครับว่าการที่ทำแล้วไม่ประสบความสำเร็จก็เป็นไปได้กันทุกคนคงไม่มีใครประสบความสำเร็จกันทุกคน

      ในความจริงแล้วธุรกิจเครือข่ายมันก็ยังเป็นธุรกิจ แล้วธุรกิจโดยทั่วไปทุกทำแล้วสำเร็จร่ำรวยกันทุกคนไหม มีใครบ้างลงทุนทำแล้วรวยเลย หรือต้องทำอย่างยากลำบากกว่าจะสบาย คุณว่าจริงไหม แต่ทำไมเราหลายคนมองว่าธุรกิจเครือข่ายเป็นงานขายของง่ายที่ใครก็ทำได้ จริงอยู่ใครก็ทำได้แต่คนที่ประสบความสำเร็จได้นั้นเข้าใจ ธรรมชาติของธุรกิจเครือข่ายก่อน่วาเป็นเช่นไร ไม่เช่นนั้นทำไปอย่างไร ก็ไม่มีทางสำเร็จได้แน่นอน เมื่อเรารู้แล้วว่ามันก็คือธุรกิจทั่วไปแต่เพียงมันลงทุนน้อยจึงไม่มความเสี่ยงมาก เหมือนธุรกิจอื่น แต่แน่นอนการลงทุนน้อยก็ย่อมทำให้มันง่ายต่อการเลิกไปได้ง่ายเช่นกัน สำหรับผมคิดว่าส่วนนี้เป็นข้อเสีย ถ้าลองวันนี้ลงทุนสักหมื่น สักแสน ละก็คงไม่ใครทำแบบเล่นแน่นอน 

     วันนี้เราก้ต้องลองถามตัวเองดุว่าเราเข้ามาในธุรกิจเครือข่ายนี้เพราะเรามองว่ามันเป็นงานง่าย ๆ ใครก็ทำได้ แต่ผลความสำเร็จไท่กัน ถ้าเรายังไม่รู้ตรงรับลองได้เลยไม่นานเดียวเราก็ต้องเลิกไป แต่ถ้าเรามองว่ามันก็คือธุรกิจของเราที่เราต้องทำมันอย่างจริงจังแล้ว ก้จงถามตัวเองว่าวันนี้เราเตรียมตัวดีพอหรือยัง  
    ผมเองก็เป็นนักธุรกิจเครือข่ายที่มองธุรกิจแบบธุรกิจ ผมไม่ได้มองว่าสินค้าดีแผนใช้ได้ แต่ผมมองไปถึงว่าเราจะทำการตลาดได้เช่นไร อย่างไร สินค้ามีคุณและจำเป็นใช้จริงหรือไม่ ไม่ใช้สินค้าดีแต่ไม่ใช้ของที่เราใช้กันอยู่ทุกวันอันนี้ก็น่าจะลำบาก หรือบริษัทอยู่มานานมีความมั่นคงแล้วมันเกียวกับความสำเร็จของเราไหม ไม่ใช่วันนี้ใครบอกอะไรเราเชื่อว่ามันดีมันถูกเพราะเป็นบริษัทที่เราทำ เพราะอัพไลน์เราบอก ควรจะมองที่การทำงานของเรา เราจะดำเนินธุรกิจเครือข่ายเช่นไร หากใครต้องการพิจารณาธุรกิจเครือข่ายก็ไปอ่านได้ใน วิธีการทำงานธุรกิจเครือข่าย ในหัวข้อ องค์ประกอบธุรกิจ   สำหรับตัวผมเองไม่ได้ออกมาว่าเลยโจมตีใคร แต่ผมเห็นเพื่อหลายคนที่เริ่มทำหรือสนใจก็มักจะฟังข้อมูลอยู่ฝั่งเดียวโดยไม่ได้พิจารณาสิ่งอื่นใดหรือหาหลักฐานประกอบเลย ผมว่ามันน่าจะเป้นการเริ่มต้นที่ไม่สวยเลย สิ่งที่ผมต้องการคืออยากให้ทุกคนประสบความสำเร็จไปด้วยกัน เพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นทุกคน วันนี้ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทความนี้ คิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ และในอนาคตอันนใกล้ผมจะทำคือมือเครือข่ายแจกฟรีให้โหลดเลย ไม่ต้องลงชื่ออะไรกัน ลองหน่อยนะครับ

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

ธุรกิจเครือข่ายหลอกลวง(MLM)

ธุรกิจเครือข่ายหลอกลวง(MLM)
  พอดีวันนี้อ่านเจอบทความนี้เขาถึงกลับต้องนำมาขึ้นบล๊อกเลยเพราะว่าได้พูดถึงธุรกิจเครือข่ายในมุมมองที่ผิดไปนิดหนึ่ง และอยากได้ให้เพื่อน ๆ หลายคนเห็นว่ามันเป็นอย่างไร ในการที่คนรู้จักแต่ไม่รู้จริง เขาบอก
ธุรกิจเครือข่ายหลอกลวง(MLM)

วันศุกร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2554

ความสำเร็จที่ทุกคนมองข้าม

ความสำเร็จที่ทุกคนมองข้าม
           ไม่มีใครที่ไม่ต้องการความสำเร้จ แต่ความสำเร็จที่ทุกคนต้องการอาจไม่เหมือนกัน ทั้งนี้ก็อยู่ที่ความต้องการว่าเราทำอะไร ได้อะไร แล้วมีความสุขหรือไม่นั้นเอง แต่โดยส่วนใหญ่แล้วความสำเร็จของเราไม่ต่างกันมาก คืองานมั่นคงครอบครัวอบอุ่น ซึ่งนั้นก็น่าจะเพียงพอแล้ว แต่การที่จะได้มาซึ่งสิ่งนี้มันก็ยังยากครับ งานที่ทำย่อมทำให้เวลาของครอบครังน้อยลง เวลาของครอบครัวก็ทำให้เวลางานน้อยลง

         ไม่ว่าวันนี้ความสำเร็จเราต้องการอะไร เป็นเช่นไรถ้าหากเรารู้แล้วว่าสิ่งที่เราต้องคืออะไร นั้นเราก็ย่อมได้ความสำเร็จนั้นมาครอบครองแล้ว สิ่งสำคัยอย่างเดียวที่จะทำให้คุณได้มันมา คือความเชื่อต่อสิ่งที่เราต้องการ มีกฎของจักรวาลอยู่ข้อหนึ่ง ถ้าเราคิดถึงสิ่งใด สิ่งนั้นจะขยายผล ไม่ว่าเราจะทำ คิด พูด สิ่งเรานี้มันจะสะท้อนไปถึงสิ่งที่คุณต้องการได้ในเร็ววัน แล้วนี้คุณคิด พูด ทำ ในสิ่งที่คุณต้องการหรือยัง หรือคุรยังคิด พูด ทำ ในสิ่งที่เป็นตรงกันข้ามอยู่ ถ้าเช่นนั้นคุณจะไม่มีวันที่จะได้เข้าใกล้ในสิ่งที่คุณต้องการเลย


         กฎของจักรวาลนี้เป็นกฎสามัญหรือธรรมชาติที่เป็นเรื่องจริงเราสามารถพิสูจน์ได้ด้วยตัวเราเอง ไม่จำเป็นต้องหาคำตอบ เพราะเพียงเราทำตามหลักมันก้เลยคำตอบทันที ตอนนี้หลายท่านอาจสงสัยว่ามันคืออะไร หรืองง แต่บางคนเขารู้แล้วว่าเรื่องนี้มันคือความจริงและมันอยู่กับเรามานานโดยที่เราไม่รู้ตัวเลย  แล้ววันนี้เราจะใช่กฎของนี้ได้อย่างไร ง่ายที่สุดคือคุรต้องค้นหาในสิ่งที่คุรต้องการให้ได้ก่อนและต้องเป็นรูปธรรมด้วยนะครับ เมื่อคุณได้สิ่งนั้นแล้วก็เริ่มด้วยการแสดงให้โลกรู้ว่านั้นคือสิ่งที่คุณต้องการ จากการที่คุรสามารถที่จะพูดบอกว่านั้นคือสิ่งที่คุณต้องการ นั้นจะเป็นสิ่งทีคุณคิดและต้องการมัน และทุกสิ่งที่คุรทำต้องเป็นสิ่งที่จะทำให้ได้มันมา นี่เป้นเพียงขั้นตอนที่ช่างง่ายได้ แต่คุณจะรู่ว่ามันไม่ง่ายเลยคุรไม่สามารถเพียงแค่ ทำอย่างใดอย่างหนึ่งได้ แต่ต้องทำไปพร้อมกัน แล้วในวันต่อไปผมจะมาให้รายละเอียดเกี่ยวกับกฎนี้อีกครั้งหนึ่ง


วันพุธที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2554

แผนธุรกิจเอ็มสตาร์

แผนธุรกิจเอ็มสตาร์
แผนธุรกิจสตาร์แมทชิ่ง (STARMATCHING)
    แผนธุรกิจสตาร์แมทชิ่งเป็นแผนธุรกิจที่ง่ายต่อการปฏิบัติงานให้ผลตอบแทนกับนักธุรกิจเอมสตาร์อย่างสูงสุดจากการจำหน่ายผลิตภัณฑ์และบริหารองค์กรธุรกิจของบริษัทฯ โดยนักธุรกิจเอมสตา์็่ร์จะได้รับรายได้ต่างๆ ดังนี้
1. กำไรจากการขายปลีก 20-30% (Retail Benefit 20-30%)
ตัวอย่าง นักธุรกิจเอมสตาร์ซื้อผลิตภัณฑ์จากบริษัทเอมสตาร์เน็ทเวิร์คในราคาสมาชิก 750 บาท
แล้วจำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าตามราคาปกติ 900 บาท ได้กำไรจากการค้าปลีก
จำนวน 150 บาท หรือเท่ากับ 20%

2. โบนัสสาขา 20% (Branch Bonus 20%)
20%ของยอดธุรกิจส่วนตัวของนักธุรกิจเอมสตาร์ที่เราเป็นผู้สปอนเซอร์

แต่ไม่เกิน 1,000 คะแนน
ตัวอย่าง นักธุรกิจเอมสตาร์ได้สปอนเซอร์ให้ผู้อื่นสมัครเข้ามาเป็นนักธุรกิจเอมสตาร์และมียอดธุรกิจ
ส่วนตัว 1,000 คะแนน นักธุรกิจเอมสตารที่เป็นผู้สปอนเซอร์จะได้รับโบนัสสาขา20% x 1,000 = 200 บาท
                นักธุรกิจเอมสตาร์สปอนเซอร์นาย ก.
                นาย ก. มียอดธุรกิจส่วนตัว = 1,000 คะแนน
               นักธุรกิจเอมสตาร์ที่เป็นผู้สปอนเซอร์นาย ก.
               ได้รับโบนัสสาขา = 20% X 1,000 = 200

3. โบนัสส่วนบุคคล 20% (Personal Bonus 20%)
20% ของยอดธุรกิจส่วนตัวที่เกินกว่า 1,000 คะแนน

ตัวอย่าง นักธุรกิจเอมสตาร์ที่มียอดธุรกิจส่วนตัว 1,500 คะแนน
จะได้รับโบนัสส่วนบุคคล (Personal Bonus) 20% x 500 = 100 บาท

4. โบนัสทีมอ่อน 20% (Weak Team Bonus 20%)
20% ของคะแนนทีมอ่อนแต่ไม่เกินยอดคำนวณโบนัสที่กำหนด
ตัวอย่าง นักธุรกิจเอมสตาร์ที่มียอดธุรกิจของทีมอ่อน 10,000 คะแนน
                จะได้ รับโบนัสทีมอ่อน = 20 % x 10,000 = 2,000 บาท
                ยอดธุรกิจทีมอ่อน (ข) = 10,000 คะแนน
                โบนัสทีมอ่อน = 20% X 10,000 คะแนน = 2,000 บาท

5. โบนัสทีมแข็ง 10-13% (Strong Team Bonus)
10-13% ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและคุณสมบัติของนักธุรกิจเอมสตาร์นั้นๆ โดยคิดจากคะแนนที่เท่ากับทีมอ่อนและไม่เกิดยอดคำนวณโบนัสสูงสุดของคะแนนที่กำหนด
ตัวอย่าง นักธุรกิจเอมสตาร์ระดับซูเปอร์ไวเซอร์ (Supervisor) ที่มียอดธุรกิจของทีมแข็ง 10,000 คะแนน  และยอดธุรกิจทีมอ่อน 5,000 คะแนน จะได้รับโบนัสทีมแข็ง = 10% x 5,000 = 500 บาท
               ยอดธุรกิจทีมแข็ง (ก) = 10,000 คะแนน
               ยอดธุรกิจทีมอ่อน (ข) = 5,000 คะแนน
  เพราะฉะนั้นยอดคำนวณโบนัสทีมแข็ง เท่ากับ 5,000 คะแนน ( คะแนนทีมแข็งที่เหลือ อีก5,000 คะแนน เก็บไว้คำนวณในรอบถัดไป)
               โบนัสทีมแข็ง = 10% X 5,000 คะแนน = 500 บาท
6. โบนัสสตาร์แมทชิ่ง ทีมลูก 100% (Star Matching Bonus 100%)
100% ของโบนัสทีมแข็งของทีมลูก (ผู้ที่ตนสปอนเซอร์)
ตัวอย่าง น.ส.สุขใจ ได้สปอนเซอร์นายสมหวัง เมื่อนายสมหวังได้รับโบนัสทีมแข็ง 2,000 บาท น.ส.สุขใจก็จะได้รับโบนัสทีมลูกจำนวน 2,000 บาทเช่นกันน.ส.สุขใจ สปอนเซอร์นายสมหวัง นายสมหวังมียอดธุรกิจดังนี้
                ยอดธุรกิจทีมแข็ง = 20,000 คะแนน
                ยอดธุรกิจทีมอ่อน = 20,000 คะแนน
        เพราะฉะนั้นยอดคำนวณโบนัสทีมแข็งของนายสมหวัง เท่ากับ 20,000 คะแนน
                โบนัสทีมแข็ง = 10% X 20,000 คะแนน = 2,000 บาท
                โบนัสทีมลูก = 100% X 2,000 บาท = 2,000 บาท

7. โบนัสสตาร์แมทชิ่ง ทีมหลาน 50% (Star Matching Bonus 50%)
 50% ของโบนัสทีมแข็งของทีมหลาน (ลูกของผู้ที่ตนสปอนเซอร์)
ตัวอย่าง นายสามารถให้การสปอนเซอร์ น.ส.สุขใจ และ น.ส.สุขใจให้การสปอนเซอร์ นายสมหวัง
หรือกล่าวได้ว่า น.ส.สุขใจเป็นทีมลูกของนายสามารถ และ นายสมหวังซึ่งเป็น ทีมลูกของ
น.ส.สุขใจ ก็คือทีมหลานของนายสามารถนั่นเอง เมื่อนายสมหวังได้รับโบนัสทีมแข็ง (สมมุติโบนัสทีมแข็งของนายสมหวังเท่ากับ 2,000 บาท) น.ส.สุขใจจะได้รับ
โบนัสทีมลูกจำนวน 100% ของโบนัสทีมแข็งของนายสมหวัง หรือเท่ากับ 2,000 บาท ส่วนนายสามารถจะได้รับโบนัสทีมหลานจำนวน 50% ของโบนัสทีมแข็งของนายสมหวัง หรือเท่ากับ 50% x 2,000 = 1,000 บาท นั่นเอง
                 นายสามารถ สปอนเซอร์ น.ส.สุขใจ
                 น.ส.สุขใจ สปอนเซอร์นายสมหวัง
                 นายสมหวังมียอดธุรกิจดังนี้
                 ยอดธุรกิจทีมแข็ง = 20,000 คะแนน
                 ยอดธุรกิจทีมอ่อน = 20,000 คะแนน
          เพราะฉะนั้นยอดคำนวณโบนัสทีมแข็งเท่ากับ 20,000 คะแนน
                โบนัสทีมแข็ง = 10% X 20,000 คะแนน = 2,000 บาท
                โบนัสทีมลูก = 100% X 2,000 บาท = 2,000 บาท
                โบนัสทีมหลาน = 50% X 2,000 บาท = 1,000 บาท


ที่มา http://www.aimstarnetwork.com/

วันจันทร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2554

ใครที่ควรทำธุรกิจเครือข่าย

ใครที่ควรทำธุรกิจเครือข่าย
     
              สำหรับคำถามนี้ว่าใครควรทำธุรกิจเครือข่าย ถือว่าเป็นอะไรที่ตอบยากมากคำถามหนึ่ง แต่โดยทั่วไปแล้วคนที่เข้ามาในธุรกิจเครือข่ายที่ต้องการประสบความสำเร็จนั้น ส่วนใหญ่ต้องมีสิ่งที่ต้องการที่ยิ่งใหญ่อยู่หนึ่งอย่าง หรือที่เรียกว่าฝัน แต่คนเหล่านี้ไม่ต้องการแค่ฝันเท่านั้น แต่เขาต้องการที่จะทำให้ฝันนั้นสำเร็จขึ้นมาด้วย โดยใช้ธุรกิจเครือข่ายเป็นเครื่องมือในการสร้างฝันเท่านั้น  ฉะนั้นธุรกิจเครือข่ายอาจไม่ใช้สิ่งที่เราชอบ ไม่ใช้สิ่งที่เรารัก แต่มันอาจมอบสิ่งที่เราต้องการได้จึงมีหลายคนตัดสินใจที่จะลองทำมันดู ถ้ามันจะทำให้เขามีโอกาส พบกับสิ่งที่เขาต้องการถึงแม้หลายคนจะเข้ามาโดยมีจุดหมายแต่ใช้ว่าทุกคนจะคว้ามันได้ เหตุที่ความตั้งใจอย่างเดียวไม่พอก็เพราะต้องมีความรู้เป็นส่วนประกอบด้วย
           
           หลายคนเขามาในธุรกิจเครือข่ายโดยความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงชีวิตให้ดีขึ้น แต่สิ่งที่เขารู้จักกับธุรกิจเครือข่ายคือ สมัคร ซื้อของ ชวนคน เขาเข้าใจเพียงแค่นี้มันไม่เพียงพอที่จะทำให้เขาเอาสิ่งที่ต้องการไปได้อย่างแน่นนอน ฉะนั้นความสำเร็จในธุรกิจเครือข่ายที่สำคุญประการแรกคือ "องค์กรการเรียนรู้" หากธุรกิเครือข่ายบริษัทใดไม่มีระบบแห่งการถ่ายความรู้องค์กรนั้นก็จะเป็นเพียงธุรกิจการขายธรรมดาทั่วไป
  
         เมื่อการเรียนรู้เป็นสิ่งสำคัญ สิ่งแรกที่เราเข้าคือ ถามถึงสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ไม่ใช้สิ่งที่เราทำ งานแต่ละงานย่อมมีความแตกต่างกัน ลักษณะรายละเอียดต่าง ๆ ก็แตกต่างกัน ฉะนั้นถ้าเราไม่เรียนรู้แล้วลงมือทำทันที อาจทำให้เราล้มเหลวได้ เพราะทุกวันนี้เรามักจะนำความคิดจะวิชาต่าง ๆ มาประยุกตืใช้รวมกันมั่วไปหมด ไม่มีการแยกแยะอะไรออกเลย วันนี้ผมกล้าบอกได้อย่างเต็มปากว่าคนที่จะสำเร็จได้นั้น ต้องเป็นคนที่รักจะเรียนรู้ในสิ่งใหม่อยู่เสมอ  และผมก็เชื่อว่าท่านที่กำลังอ่านบทความนี้ก็รักที่จะเรียนเช่นเดียวกัน

 วันความสำเร็จไม่เกิดขึ้นหากไม่ลงมือทำ แต่ถ้าลงมือทำโดยไม่รู้ ก็ยากที่จะสำเร็จเช่นกัน

อะไรกันแน่ที่สำคัญที่สุดในธุรกิจเครือข่าย

  มื่อเริ่มทำงานหรือไม่ว่าอะไรเราก็ต้องอยากทำให้มันดีที่สุด จริงไหมครับแล้วในธุรกิจเครือข่ายจะมีอะไรละที่เป็นสิ่งที่สร้างความสำเร็จ หรือสิ่งสำคัญในการทำงานของเราจริง ๆ หลายคนถูกชวนเข้ามาในธุรกิจเครือข่าย งานที่สร้างรายได้อย่างรวดเร็ว ร่ำรวยง่าย หรือเราคือบริษัทที่ดีสุดในโลก เรามียอดขายเป็นที่หนึ่ง อะไรต่าง ๆ มากมาย
   
       คุณคิดว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญไหมครับ ผมบอกเลยมันไม่สำคัญถามว่าสิ่งเหล่านี้มีประโยชน์หรือช่วยคุณได้มากน้อยเพียงใด แต่เปล่าเลยมันไม่เพียงไม่ช่วยคุณแล้วมันยังทำให้คุณเป็นคนที่ดูขี้โม้ โอเวอร์จนเพื่อน ๆ ไม่อยากคุยด้วย แล้วอะไรล่ะคือสิ่งสำคัญจริง ๆ สำหรับคำตอบมีอยู่ในธุรกิจเครือข่ายทุก ๆ ค่ายอยู่แล้วครับ  เรามาค้นหาคำตอบนี้กัน